EN

"HMC Polymers" เดินหน้าก้าวสู่ปีที่ 40 อย่างมั่นคง มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เสริมทัพผู้นำใหม่ รุกตลาดตอกย้ำความเป็นผู้นำ PP ผ่านแนวคิด "INNOVATE ENDLESS POSSIBILITIES"

บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด หรือ HMC Polymers ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน หรือ PP รายแรกและใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและชั้นแนวหน้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถลงข่าวเดินหน้าก้าวสู่ปีที่ 40 มุ่งขับเคลื่อนความมั่นคงทางธุรกิจ ควบคู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านแนวคิด “INNOVATE ENDLESS POSSIBILITIES” หรือ “นวัตกรรมสร้างสรรค์… ไม่สิ้นสุด” พร้อมเสริมทัพผู้นำใหม่ Mr.Corso Uzielli (คอร์โซ อูซีลลี่) ต่อยอดรุกตลาด เป็นฟันเฟืองสำคัญในฐานะผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพรีเมียม ในการส่งเสริมนวัตกรรมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และความยั่งยืน เผยผลประกอบการปี 2565 รายได้รวม 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโตกว่า 4% พร้อมตั้งเป้าปี 2566 กวาดรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท

Mr.Corso Uzielli (คอร์โซ อูซีลลี่) ประธานบริษัท HMC Polymers เปิดเผยว่า “การก้าวสู่ปีที่ 40 HMC Polymers ยังคงเดินหน้าคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ พัฒนาสู่ความเป็นเลิศทั้งในด้านฐานการผลิต และการดำเนินธุรกิจทุก ๆ มิติอย่างต่อเนื่อง มุ่งผลักดันให้สายการผลิตที่ 4 ของโรงงานโพลีโพรพิลีน (PP4) ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ดำเนินการผลิตสูงสุดเต็มศักยภาพ เพื่อให้ได้เม็ดพลาสติก PP รวมกว่า 1 ล้านตันต่อปีตามเป้าหมาย พร้อมนำเทคโนโลยี Spherizone อันทันสมัยที่สุดในการผลิต เม็ดพลาสติก PP จากบริษัท LyondellBasell ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ HMC Polymers สู่การผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) และเกรดคุณภาพสูง (Differentiated) ซึ่งมีความแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในตลาด เพื่อการนำไปใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มการแพทย์และสุขอนามัย กลุ่มบรรจุภัณฑ์ทั้งแบบแข็งและแบบยืดหยุ่น และกลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่” Mr.Corso กล่าวทิ้งท้าย

นายพรชัย พิชิตวุฒิกร รองประธานอาวุโส สายงานกลยุทธ์ นวัตกรรม และพาณิชยกิจ กล่าวเสริมว่า “หลังสายการผลิตที่ 4 ของโรงงาน PP4 ก่อสร้างแล้วเสร็จ HMC Polymers ได้วางแผนการดำเนินงานไว้ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ หนึ่ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยปี 2566 นี้มุ่งเน้นที่การผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) จากเทคโนโลยีชั้นนำที่เรียกว่า Spherizone เพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า ในการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุน และเพิ่มอัตราการผลิตให้สูงขึ้น ควบคู่กับการขยายโอกาสการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สอง การขยายตลาดสู่ภูมิภาคอื่นๆ อาทิ เอเชียกลาง แอฟริกา อเมริกาใต้ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) ของ HMC Polymers และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทฯ และเศรษฐกิจของไทยในฐานะผู้นำคู่แข่งแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ HMC Polymers ยังให้ความสำคัญกับการนำหลัก ESG (Environment, Social and Governance) ของสากลมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานและการบริหารความยั่งยืน (Sustainability Management) ซึ่งแบ่งเป็น 3 เสาหลัก ได้แก่ 1.Carbon Neutrality : อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2.Connectivity : การสร้างความสมดุลของชุมชนและสังคม ผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ และ 3.Circularity เน้นการลดการใช้ทรัพยากรใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาเม็ดพลาสติก PCR หรือ Post-Consumer Recycled กล่าวคือ การนําพลาสติก PP ที่ผ่านการใช้งานโดยผู้บริโภคแล้ว มาผ่านกระบวนการทําความสะอาด ปรับปรุงคุณสมบัติ ด้วยเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ให้สามารถนํากลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง รวมถึงการทดลองจัดทำโครงการ PP Reborn อันเป็น Waste Management Platform ของบริษัทฯ เพื่อกระตุ้นภาคสังคม ให้เห็นความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียนในวงกว้างด้วย”

นางสาวอังคณี สุนทรสวัสดิ์ รองประธาน สายการเงิน บัญชีและงานสนับสนุนองค์กร ได้กล่าว ปิดท้ายงานแถลงข่าวถึงภาพรวมและแผนกลยุทธ์การเงินของ HMC Polymers ว่า “แม้การเติบโต ของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2565 จะชะลอตัวจากภาวะสงครามระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและยูเครน รวมถึงนโยบาย Zero-Covid ของสาธารณรัฐประชาชนจีน กอปรกับการมีโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PP ใหม่ ๆ เกิดขึ้นหลายแห่ง แต่จากนโยบายการดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ (Operational Excellence) ทำให้ปีที่แล้ว HMC Polymers มีรายได้รวม 3.2 หมื่นล้านบาทหรือเติบโตกว่า 4% โดยมีสัดส่วนการขายสินค้าเกรดพิเศษ SPDP (Specialty-Differentiated) กว่า 50% ของยอดขายและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกสู่ตลาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 10 ต่อปี ภาพรวมฐานะการเงินมีความแข็งแกร่ง ด้วยสัดส่วนของทุนที่สูง และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ 0.7 เท่า มีสินทรัพย์รวม ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท กระแสเงินสดมีสภาพคล่องในระดับเพียงพอ และจากฐานะทางการเงิน ที่แข่งแกร่งนี้ ส่งผลให้ HMC Polymers ได้รับการจัดอันดับเครดิต Rating โดย Fitch Rating Agency อยู่ในระดับ A-”

HMC Polymers กับการก้าวสู่ปีที่ 40 ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่การนำไปใช้งานที่หลากหลาย พร้อมตอบโจทย์และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค บนพื้นฐานของความการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นหลัก เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทุกชีวิตในสังคม